Thursday, April 27, 2006

Toronto today, Bangkok tomorrow

The 50 meter billboard shown above dominates a community skyline in Toronto. Men consider it a work of art, women, especially mothers, protest.
The area near the billboard has seen 15 car wrecks, six cases of whiplash, a plane crash, and, according to two local palimony suits, two unplanned pregnancies.
The billboard contravenes no legal ruling.
Toronto today, Bangkok tomorrow

Quiet Bangkok - Visual Pollution Increases

For decades we have seen huge billboards on roadsides in Hollywood films. Now we see them in Thailand too. The image shown above is now a typical sight, as another investor steals our skyscape and waits for customers to barrage us with commercial products. Slowly, people begin to protest as in the following letter from Chiangmai published recently in the Nation:

"....I wanted to draw attention to the many monstrous, huge billboard constructions that make Thaksinburi (formerly known as the Rose of the North) so ugly.

Even in the old city, inside the moat, there are huge billboards, advertising a certain brand of shampoo or whatever, just in front of a historic building. Also, right next to the National Cultural Museum, a monstrous, still-blank billboard dominates the compound. And there are a hundred more!

So anyway, the Chiang Mai Cultural Council must have noticed it. This billboard culture is in my opinion a consequence of Thaksinomics, which dictates that money is the only thing that counts and not environmental issues.

Try to watch from behind your taxi window, coming from the airport, the skyline of Bangkok. It is not possible anymore. The skyline has disappeared behind hundreds of these monstrosities!

There exist regulations about the size and place permitted for the construction of billboards, but here again corruption makes everything possible."

Tuesday, April 18, 2006

Quiet Bangkok: Noisy engines are two stroke

If an engine is noisy than it is most likely to be a two stroke engine. Two stroke engines emit a whining sound and the pollution of only partially consumed fuel. In cities (and here we are talking Bangkok!) there are engines everywhere, motorbikes, tuk-tuks, outboard motors, lawn-mowers, and many of them are two stroke noise generators. The alternative is the four stroke engine which drives motor cars and the quieter motorcycles. The difference lies in the construction of the engine. The four stroke variety is more complex and needs four movements to complete the power drive of one combustion. The two stroke type needs only two such movements, is simpler, lighter and therefore cheaper. We are told that two stroke motorcycles are being phased out of use as more affluent users can afford the more expensive four stroke type. The need to wait on the economy to improve is a poor argument when one considers the damage to hearing accompanying two stroke engines which produce noise levels of over 80 decibels. Add to that the damage to respiration from chemical fumes and where are you?

Tuesday, April 11, 2006

iPod Warning: Matichon Weekly Magazine

ใช้ไอพอดระวังหูหนวก
เมื่อเวลาที่เราคิดถึงอันตราย อันดับแรกเราคิดถึงอุบัติเหตุใช่ไหมเอ่ย แล้วต่อมาเราคิดถึงอะไรกันนะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กเล็กน้อยแล้วก็มีคำตอบต่างกัน

บางคนตอบว่าโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงเช่นมะเร็ง บางคนบอกว่ามลพิษที่อยู่รอบๆตัว สารตะกั่วบ้าง อากาศเสีย น้ำเสีย เคมีต่างๆ บางคนเจอหน้ากันพูดแต่เรื่องแอสเบสตอส สารที่อยู่ในฝ้าเพดาน บอกว่าเป็นอันตรายนะ ไปตรวจดูสิว่าบ้านเธอใช้ฝ้าเพดานที่มีแอสเบสตอสหรือเปล่า

บางมลพิษ มันใช้เวลาในการปล่อยพิษ เราเลยไม่ค่อยรู้ตัว อย่างเช่นมะเร็ง รู้อีกทีก็ขั้นสามสี่ แก้ยากใช่ไหมคะ มลพิษอีกอย่างที่ชักจะกำเริบใหญ่คือมลพิษเสียงค่ะ เคยอยู่ในที่เสียงดังๆแล้วเหนื่อยไหมคะ แล้วเที่ยบกับไปอยู่ในที่เงียบอย่างมุมในโรงแรม หรือในสวนที่เงียบสงบ (สวนสาธารณะเดี๋ยวนี้เช้าๆกระจายเสียงจากวิทยุทุกเช้า ไม่รู้ไปเอาไอเดียเซี้ยวๆแบบนี้มาจากไหน น่ารำคาญเป็นที่สุด) มันวิเศษสุดไหม

โลกเราทุกวันนี้ หาที่เงียบไม่ได้แล้ว ลองแข่งกันหาไหมล่ะคะ หายากจริงๆ เพราะคนไทยขี้เหงา ชอบความสนุกสนาน ย้ายไปอยู่บางประเทศอย่างสวีเดนโน่นสิคะ มีที่เงียบ ๆและสะอาดเยอะ แต่พูดไปจะทำได้กี่คนล่ะคะ

ศิลปินที่รักความเงียบ เพราะความเงียบทำให้มีสมาธิ สร้างสรรค์งานได้ คุณปานชลี สถิรศาสตร์ เธอเป็นทุกข์กับการคุกคามของเสียง ไม่ใช่เราๆไม่ทุกข์นะคะ แต่เธอค่อนข้างจะทุกข์มากกว่า เพราะเธอมีปัญหาเรื่องหูอึง ก็เกิดจากเสียงดังนี่แหละค่ะ

ในอเมริกา มีวิจัยออกมาว่าเด็กวัยรุ่นครึ่งประเทศมีปัญหาเรื่องการได้ยินเพราะการฟังเอ็มพี 3 ทำให้สมาคมที่ต่อต้านปัญหามลพิษเสียงและการได้ยินออกมาเตือนคนเรื่องการใช้เอ็มพี 3 สมาคมนี้มีชื่อว่า ASHA ( an association specializing In auditory and cognitive problem) เขาบอกว่าในปี 2005 iPod มียอดขายถึง 22 ล้านเครื่อง และทุกเครื่องที่ขายไม่มีคำเตือนว่าการใช้ iPod อาจเป็นอันตรายต่อการได้ยิน สมาคมนี้ออกมาให้ความรู้ว่าหากเสียงดังมากกว่า 115 เดซิเบลทุกวันยาวนานกว่า 28 วินาทีแล้วละก็ มีสิทธิ์หูหนวกถาวร

เสียงนี่มันมีระดับเสียง เรียกว่าเดซิเบลค่ะ การได้ยินเสียงดังที่มีเดซิเบลสูงๆ เป็นเวลาติดต่อกันนานทำให้การได้ยินบกพร่องและถึงขนาดหูหนวกได้ เมื่อปีใหม่ปีที่แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงออกมาเตือนว่าสถานเริงรมย์อย่าเล่นดนตรีกันดังนัก เด็กวัยรุ่นหูเสียกันหมด

เราคงลืมกันไปแล้ว

เมื่อมีเสียงเรียกร้องจากสมาคม ASHA ผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบอย่าง Apple ก็ขานรับทันที เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาก็ได้วางตลาดโปรแกรมที่ใช้ควบคุมระดับเสียงในเครื่องเล่น iPod โปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดได้จากเวบไซท์ของแอปเปิ้ล และเข้าไปควบคุมระดับเสียงของ iPod Nano และ iPod รุ่นใหม่ โดยเซทเป็น maximum ไว้ มีโค๊ดลับที่ผู้ปกครองสามารถเข้าไปปรับระดับเสียง และคุณหนูเปลี่ยนระดับไม่ได้

บรรดาผู้ที่อยู่ในสมาคมได้พบว่าถ้าไม่ใช้โปรแกรมลดระดับเสียงแบบนี้แล้วไซร์ เสียงจาก iPod นี่สามารถแผดได้ถึง 115 เดซิเบล ซึ่งดังเท่ากับเสียงเลื่อยไฟฟ้าในโรงงานอุตสหกรรม

พิษสงของเสียงพวกนี้ขนาดไหน ผู้เขียนพลันนึกถึงเสียงจากหน้าบ้าน ซึ่งเขารับงานอุตสาหกรรมขนาดย่อมมาทำ เสียงเลื่อยกับสว่านไฟฟ้าดังขึ้นปุ๊ป ก็ไม่มึความสุขเล้ย รีบหาเรื่องออกไปนอกบ้านให้พ้นๆ ก่อนหูจะเสีย และเกิดอาการเครียด

ผู้เขียนว่าเราน่าจะสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของเสียงกันให้มากกว่านี้ เพราะมันเป็นภัยร้ายชนิดหนึ่งทีเดียว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมายน่าจะช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กทม สสส กระทรวงสาธารณสุข โรงเรียน

ผู้เขียนเคยเข้าไปออกกำลังในสวนรถไฟ โผล่เข้าประตูไปก็พบกลุ่มกิจกรรมพร้อมเครื่องขยายเสียงหนึ่งกลุ่มแรก เดินหลบลึกเข้าไปเจอกลุ่มที่สอง มีเครื่องขยายเสียงเหมือนกัน ดีหน่อยหันเครื่องเข้าในกลุ่ม ไม่หันออกมาที่ลู่ขี่จักรยานเหมือนกลุ่มแรก หลบไปอีก เอ้าใกล้ทางออกเจออีกกลุ่มค่ะ เป็นครูมาทำกิจกรรมกับนักเรียน

ปรากฏการณ์ใช้เครื่องขยายเสียงในสวนสาธารณะนี่น่าจะมีแต่เฉพาะในเมืองไทยนะคะ ไม่เคยพบที่ไหน

เรื่องปีใหม่ ชาวบ้านติดเครื่องขยายเสียง เอื้อเฟื้อเสียงดังและความบันเทิงอันไม่พึงปรารถนาไปยังเพื่อนบ้านด้วยนั้น นับเป็นเรื่องธรรมดา ใครมีที่หลบลี้หนีภัยเสียงได้ก็หลบไป ตัวใครตัวมัน ผู้เขียนเคยฟังสี่วันสี่คืนติดต่อกัน โดนแบบนี้ความคิดอยากย้ายบ้านเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในที่สุดก็ได้ไปแจ้งความให้ตำรวจไปปราม

คิดว่าน่าจะด้วยเหตุนี้ ปีถัดมาเสียงก็ลดลง

ในประเทศฝรั่งเศส มีกฎหมายห้ามเสียงดัง ทำให้แอปเปิ้ลต้องควบคุมเสียง iPod ให้อยู่ในระดับ 100 เดซิเบล ตั้งแต่ปี 2002

คนที่ต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอดในฝรั่งเศสบอกว่า พอใจที่แอปเปิ้ลยอมรับว่าเสียงจาก iPod เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ไม่พอใจที่ไม่สามารถแก้ไขเครื่องที่คนซื้อไปแล้วรุ่นก่อนๆได้

แค่นี้ก็ดีถมไปแล้วจ้า

มติชนสุดสัปดาห์

หมุนตามโลก

เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง

Monday, April 10, 2006

Reduce noise, Mask noise, Cancel noise

There are three stratagies to counter noise:

1. Reduce noise
This is the most widely used method. Noise may either be reflected or absorbed by a medium between a noise source and a hearer; most barriers act by both reflecting and absorbing the sound. A wall reduces noise, largely by reflecting it before it reaches our ears. Indoors we are protected by the walls of the house and by closed windows. On motorways there are reflective walls with corrugated surfaces to reflect the sound. Curtains are good absorbers which reduce significantly sound from outside. Solid cement blocks in a wall are not good absorbers, hollow bricks are much more effective. A single pane of glass still allows a lot of sound to penetrate, double glazed windows are highly effective in blocking sound.
Ear plugs or ear muffs are effective sound absorbers at individual level.
The ultimate in blocking is achieved in a "quiet room" used for sound testing where the walls are made of absorbant material shaped to scatter any reflected sound in all directions.

2. Mask noise
Noise masking works by creating a continuous sound at a tolerable level in the vicinity of the hearer. Our senses filter out repetitive signals so that we are no longer aware of them. We cease to be aware of stationary objects in our vision field. We are no longer aware of the pressure of the seat moments after we sit down. After a while in a room with a ticking clock we no longer hear the sound of the tick. When we create a noise mask we soon block out the sound and with it the sounds of noise which have similar frequencies and sound level. The best noise mask is what is called 'white noise' which is a source containing a very wide band of frequencies and therefore effective against a wide variety of noise. An air conditioner or an electric fan can create a noise mask. For psychological reasons the playing of recorded sounds of nature such as sounds of sea waves or wind in trees may be effective. This method is not effective against random sharp sounds such as a barking dog! The effectiveness is limited by the need to keep the mask below a level where it would itself become a noise nuisance.

3. Cancel noise
Sound is a wave having peaks and troughs. If we add to it another wave of the same amplitude but shifted in time so that the troughs and peaks of the added wave coincide with the peaks and troughs of the original wave, the two cancel. This can be accomplished by earphones which include a microphone and electronic system to generate the second wave to cancel the first. It works well against a continuous sound such as that of an airplane or car engine, but not against the barking dog. Such earphones are on sale but the manufacturers are generally shy to quote the effectiveness in decibels. One claims to achieve total silence which is totally impossible!

Saturday, April 01, 2006

Visual Noise Destroys Quiet

Giant poster after giant poster appears as we drive towards Bangkok. Underneath the expressways, pillars too are being taken over by advertising. Have we been consulted, has there been a study of environmental impact?

On a Bangkok Expressway

Another meaningless phrase which distracts and shouts at us as we drive along. Another monstrous sign is appearing next to begin its task of imprinting product trade names. What right do these people have to inflict themselves and their products on us?

Where is the Bangkok skyline/

Where is the sky, where are the clouds, the trees, the buildings?
Who owns these monstrous signs?
Who authorises them?

IS THIS ENGLISH? WHAT DOES IT MEAN?