Midnight Blues
วิป วิญญรัตน์
เที่ยงคืนครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเจาะถนน ความถี่แหลมสูงเดินทางขึ้นมา 12 ชั้น ทะลุแก้วหูอย่างไม่บันยะบันยัง ...อ้าปากหาวหนึ่งที เดินไปรินน้ำดื่ม 2 แก้ว นั่งจ้องเข็มวินาทีที่เดินหมุนไปรอบ ๆ เป็นวง 360 องศา – นับได้ 5 รอบแล้วหันกลับไปคลานขึ้นเตียงต่อพร้อม ‘พจนาซาราทุสตรา’
ตีหนึ่ง เปลือกตาผมหนักได้ซักหลายตัน อันมีผลมาจากลุกขึ้นมาอ่านปรัชญานิพนธ์ตอนดึก คนงานยังคงเจาะถนนอยู่ ผมปิดหนังสือแล้วนั่งห้อยขาอยู่ข้างเตียง จ้องออกนอกหน้าต่างไป ไฟสีเหลืองของรถเทศบาลส่องวับวาบ เห็นคนงานเป็นเงาลาง ๆ 2-3คน คนทำงานที่เหงาที่สุดในโลก...อาจจะรองจากยามกะดึก – สุนัขจรจัด เดินตามแมวเถื่อนอย่างสุขุมและมีจุดมุ่งหมาย ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำพลางฮัมเพลงทำนองบลูส์ต้นฉบับที่พึ่งนึกได้ พลางใช้สายน้ำจากร่างกายที่กระทบส้วมเป็นเครื่องประกอบจังหวะ เสร็จกิจ ผมเปิดทีวีดูพลางตัดเล็บไปด้วย
ตีสอง คนงานเจาะถนนกลับไปแล้ว ความเงียบกลายเป็นสิ่งทิ่มแทง บนฟ้าไม่มีดาวซักดวงเนื่องจากโดนมลภาวะของสังคมเมืองกลบหมด คนงานก่อสร้างเดินเล่นสูบบุหรี่ ผมสามารถเห็นแสงไฟจากบุหรี่ของเขาอย่างชัดเจน เขาคงนอนไม่หลับเหมือนผมและเหมือนคนเมืองอีกหลายคน
ผมเก็บพจนาซาราทุสตราที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ปิดไฟนอนห่มผ้า แล้วผล็อยหลับไปในทันที
ตี 3 ครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาพร้อมเพราะเสียงเจาะถนนอีกหน คราวนี้ดังทรมานรูหูกว่าเดิมเนื่องจากย้ายที่ใกล้เข้ามา แทบจะรู้สึกถึงแรงสว่านที่วิ่งมาตามพื้น แก้วหูคล้ายจะทะลุเพราะแรงสะเทือน...........พยายามจะข่มตานอนต่อ จินตนาการให้เสียงเจาะถนนกลายเป็นเพลงกล่อม พยายามฟังให้เป็นเสียงดนตรี แต่เชื่อว่า ถ้าบีโทเฟ่นได้มาฟังเสียงนี้คงไม่รีรอที่จะตัดหูทิ้งไม่ต่างจากแวนโกะ นึกได้แล้วผมหลับไปอีกหนด้วยความทรมาน
หกโมงครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาจากหลับ คาดว่าคงเป็นอาการหลับที่สงบที่สุดนับตั้งแต่ออกจากท้องแม่มา ผมกวาดตาไปรอบ ๆ .......เห็นหมอนที่นอนชุ่มไปด้วยเลือดและใบหูมนุษย์คู่หนึ่งตกอยู่ข้าง ๆ
เที่ยงคืนครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเจาะถนน ความถี่แหลมสูงเดินทางขึ้นมา 12 ชั้น ทะลุแก้วหูอย่างไม่บันยะบันยัง ...อ้าปากหาวหนึ่งที เดินไปรินน้ำดื่ม 2 แก้ว นั่งจ้องเข็มวินาทีที่เดินหมุนไปรอบ ๆ เป็นวง 360 องศา – นับได้ 5 รอบแล้วหันกลับไปคลานขึ้นเตียงต่อพร้อม ‘พจนาซาราทุสตรา’
ตีหนึ่ง เปลือกตาผมหนักได้ซักหลายตัน อันมีผลมาจากลุกขึ้นมาอ่านปรัชญานิพนธ์ตอนดึก คนงานยังคงเจาะถนนอยู่ ผมปิดหนังสือแล้วนั่งห้อยขาอยู่ข้างเตียง จ้องออกนอกหน้าต่างไป ไฟสีเหลืองของรถเทศบาลส่องวับวาบ เห็นคนงานเป็นเงาลาง ๆ 2-3คน คนทำงานที่เหงาที่สุดในโลก...อาจจะรองจากยามกะดึก – สุนัขจรจัด เดินตามแมวเถื่อนอย่างสุขุมและมีจุดมุ่งหมาย ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำพลางฮัมเพลงทำนองบลูส์ต้นฉบับที่พึ่งนึกได้ พลางใช้สายน้ำจากร่างกายที่กระทบส้วมเป็นเครื่องประกอบจังหวะ เสร็จกิจ ผมเปิดทีวีดูพลางตัดเล็บไปด้วย
ตีสอง คนงานเจาะถนนกลับไปแล้ว ความเงียบกลายเป็นสิ่งทิ่มแทง บนฟ้าไม่มีดาวซักดวงเนื่องจากโดนมลภาวะของสังคมเมืองกลบหมด คนงานก่อสร้างเดินเล่นสูบบุหรี่ ผมสามารถเห็นแสงไฟจากบุหรี่ของเขาอย่างชัดเจน เขาคงนอนไม่หลับเหมือนผมและเหมือนคนเมืองอีกหลายคน
ผมเก็บพจนาซาราทุสตราที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ปิดไฟนอนห่มผ้า แล้วผล็อยหลับไปในทันที
ตี 3 ครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาพร้อมเพราะเสียงเจาะถนนอีกหน คราวนี้ดังทรมานรูหูกว่าเดิมเนื่องจากย้ายที่ใกล้เข้ามา แทบจะรู้สึกถึงแรงสว่านที่วิ่งมาตามพื้น แก้วหูคล้ายจะทะลุเพราะแรงสะเทือน...........พยายามจะข่มตานอนต่อ จินตนาการให้เสียงเจาะถนนกลายเป็นเพลงกล่อม พยายามฟังให้เป็นเสียงดนตรี แต่เชื่อว่า ถ้าบีโทเฟ่นได้มาฟังเสียงนี้คงไม่รีรอที่จะตัดหูทิ้งไม่ต่างจากแวนโกะ นึกได้แล้วผมหลับไปอีกหนด้วยความทรมาน
หกโมงครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาจากหลับ คาดว่าคงเป็นอาการหลับที่สงบที่สุดนับตั้งแต่ออกจากท้องแม่มา ผมกวาดตาไปรอบ ๆ .......เห็นหมอนที่นอนชุ่มไปด้วยเลือดและใบหูมนุษย์คู่หนึ่งตกอยู่ข้าง ๆ
<< Home