Friday, October 28, 2005

Noise Maps

A noise map is a method of showing noise levels in a city area. Parisians identified noise as the main problem affecting their lives and a special institute was set up to tackle the problem. One of the initiatives of the Institute was to construct a noise map of the whole city where different noise levels are portrayed in different colours. Using the map you can discover the noise levels in parts of the city where you live, work, or travel through. You can inspect the noise level in an area where you might consider living or working.
More recently London has published a noise map; the area in the image above is a small sample. Highest noise is the deep blue along roads, lowest noise is brown with other colours showing intermediate levels. On the actual map, which can be accessed on the Internet, the names of roads appear as the mouse pointer moves over them.

The London map makers provide the following explanation:
“Noise maps will help to establish the existing baseline so that we will be able to measure the effectiveness of future initiatives to control noise. They will also let us see in an understandable and visual way how noise spreads from roads and into residential areas. They will help us to see how different types of building layout can affect the spread of noise, the havens of quiet that already exist within the city, and how careful planning could create more of them. Noise maps will help non-specialists develop a more intuitive feel for how noise behaves, which will allow more people to appreciate the importance of planning and designing against noise and to let them become involved in the process. They will also give experts the tools to refine designs for maximum benefit at affordable cost.”

Construction the map is done as follows
“It’s not so much that people are actually going out there and measuring the noise. It’s getting together all of the data on traffic flows, traffic speeds, train movements, aircraft movements, perhaps some noise measurements around industrial sites. And then the software is used to calculate how that noise from the sources propagates throughout the city. Tells you how bad the problems are in cities like Birmingham and across the whole of the UK during this two-year project.”

Poor Europeans: “Well, the European Commission have estimated that around 20 percent of the population of Europe are exposed to noise levels which are, they think, unacceptable – that’s noise that was above 65 decibels. And that equates to about eighty million people across Europe, which is a significant number of the population.”

Poor Bankokians: Please give us a noise map

Tuesday, October 25, 2005

Dreadful Decibels

Decibels are mysterious units until you become accustomed to them. The best way to do so is to look at tables or images of noises with which we are familiar and see the decibel level ascribed to them. The result is very approximate. In the image above the noise level in an average office is given as 50 decibels. But there are average offices and average offices! To have a more accurate sense of noise levels one must have some experience with a sound level meter, hearing the difference between a 50 decibel and a 55 decibel office. The smallest difference of noise level we can distinguish is about one decibel which indicates the usefulness of this unit.
The reason for using decibels is the vast range of sound which the human ear can hear and the fact that our sense of loudness is not linear, which means that if noise power is multiplied by, say, 10, it does not sound ten times louder to us. But more of this on another occasion. Here, let us say that our extraordinary range of hearing varies from a scale of 1 to 100,000,000,000,000 – the lower level being the absolutely lowest level of audible sound and the upper level being capable of destroying our hearing altogether. So instead of having to speak of a level of sound of say 1,000,000 we speak of the much more convenient 60 decibels. You will appreciate that it is easier to speak of a noise level of 61 decibels which most people can distinguish from a level of 60 decibels than to speak of them in ordinary numbers when instead of 61 and 60 we would have to speak of 1,258,925 and 1,000,000. Hurrah for decibels!

Saturday, October 22, 2005

Noise a War Weapon


If noise is unwanted sound then........

"This is how the Americans are now fighting in Afghanistan - loaded up with guns and loud music. The racks of speakers on top of this Humvee are a bizarre weapon dreamt up by the army's PsyOps unit - experts in psychological warfare. The idea is that the music will flush the Taliban out of their hiding places in the mountains. The Taliban banned music when they ruled Afghanistan so these troops are hoping that the sound of Fleetwood Mac will provoke them into an attack. No-one can say if the music is having the desired effect but the Afghan special forces, travelling with the Americans seem to appreciate it. "

Speak Less, Understand Less


พูดกันน้อยลง เข้าใจกันน้อยลง เพราะ หูตึง มากขึ้น
“สีลม”
บรรดานักดนตรีร็อคที่เรียก “คาร์ลอส ซานตานา” อย่างสนิทใจว่า “พ่อ” ต่างพร้อมใจกันออกมา รำลึกถึงอดีต ดูผิวเผินพวกเขาเหล่านั้นยังคงความเป็นร็อคเกอร์อย่างเหนียวแน่น ตั้งแต่กางเกงหนังรัดรูป เสื้อรัดรูปลายฉวัดเฉวียน ผมยาวประต้นคอที่ย้อมสีมาอย่างดี เข็มขัดตอกหมุด บู้ตส้นสูง กำไลเงิน ฯลฯ ครบสูตร
แต่ลองเข้าไปแอบฟังการสนทนาของร็อคเกอร์รุ่นใหญ่ ๓ คน อาจเป็นอย่างนี้ก็ได้
ร็อคเกอร์หมายเลข๑ “ เฮ้ยเพื่อน หมู่นี้หูฉันมันไม่ค่อยได้ยินอะไรเลยว่ะ “
“ ๒ “ หา ……..นายว่าไงนะ”
“ ๓ “ นี่ นายสองคนคุยอะไรอยู่น่ะ”
เหตุการณ์จำลองนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลความจริงเท่าไร เพราะวงการแพทย์ได้พิสูจน์มานานเกือบสองทษวรรษแล้วว่า เสียงแผดทั้งแหลมและทุ้มปานฟ้าถล่มของดนตรีร็อค ที่พวกเราฟังกันมาอยู่หลายปีดีดักอย่างเมามันในอารมณ์นั้น มีอันตรายถึงกับทำให้สูญเสียการฟังไปเลย
ดังที่ John Flansburgh แห่งวงร็อค คณะ They Might Be Giants เคยกล่าวทีเล่นที่จริงว่า “หูหนวกคือการเสียสละเล็กน้อยที่เราจะต้องมอบให้ดนตรีร็อค !”
อีกไม่กี่ปี ดนตรีร็อคก้จะฉลองครบรอบห้าสิบปี นับตั้งแต่ Bill Haley and the Comets นำเพลง “ Rock Around the Clock” ขึ้นสู่อันดับหนึ่งของบิลบอร์ด และทำให้เกิดคำว่า” rock ‘n’ roll” ดนตรีร้อคได้พัฒนาแตกแยกเป็นหลายสาขาหลายแนว ศิลปินร็อคเกิดและดับไปหลายคน
แต่ที่แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ ดนตรีร็อคควบคู่กับความ”ดัง” อยู่เสมอมา และความ”ดัง”นี้ กำลังสำแดงตนให้เห็นว่า มันได้ ทำให้นักดนตรีร้อคหูพิการไปแล้วหลายราย ไม่เฉพาะแต่นักดนตรีเท่านั้น แต่ผู้ที่ต้องอยู่กับความดังของเสียงเหล่านี้มานานอย่างบรรดาชาว ซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ เช่น Sir George Martin โปรดิวเซอร์มือทองผู้ทำให้ The Beatles โด่งดังทะลุฟ้า ตอนนี้ ก็หูดับสนิทแล้ว เขาเพิ่งให้สัมภาษณ์เร็วๆนี้ว่า มันเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายที่คนนึกว่า เขาเริ่มเลอะเลือน เพราะเวลาคนพูดด้วย เขาจะไม่ได้ยิน “ความจริงสติสตังผมยังดีอยู่ทุกอย่าง แต่หูผมไม่ดี เวลาไปงาน คนจะมาพูดด้วย ผมได้แต่ยิ้มเฉยๆ คนก็เลยนึกว่าผมเลอะซะแล้ว”
นักดนตร็อคหลายคน ปัจจุบันกำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคที่เรียกว่า Tinnitus คือรู้สึกเหมือนมีเสียงรถวิ่งดังอยู่ในหูตลอดเวลา
นักดนตรีรุ่นเก่าอย่าง Lenny Kaye มือกีต้าร์แห่ง Patti Smith Group ก็บอกว่าตอนนี้ สูญเสียประสาทรับฟังไปแล้ว และต้องใช้เครื่องมือช่วยฟังตลอดเวลา
เมื่อประมาณสิบปีก่อน ขณะที่นักดนตรีร็อคเริ่มรับรู้ถึงมหันตภัยที่มากับเสียงดนตรีที่พวกเขาคลุกคลีอยู่ด้วยทุกเมื่อเชื่อวัน Kathy Peck ร็อคเกอร์หญิงแห่งย่าน Bay Area ในซานฟรานซิสโกได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาชื่อว่า HEAR มีชื่อเต็มๆว่า hearing Education Awareness for Rockers ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้และเตือนบรรดาศิลปินร็อคทั้งหลายถึงอันตรายที่มากับเดซิเบลสูงของดนตรีร็อค พวกที่เข้าข่ายจะได้รับอันตรายจากภัยนี้ รวมไปถึงพวกช่าง และพวกทำงานในคอนเสิร์ตฮอลล์ และบรรดาแฟนๆคอนเสิร์ตร็อคทั้งหลาย ก็ไม่มีละเว้นด้วย
ภัยจากเสียงก้องกัมปนาทของดนตรีร็อค เป็นภัยมืดที่ร้ายแรงเกินกว่าเราจะนึก เสียงของดนตรีที่ดังเกินกว่า ๑๐๐ เดซิเบล จะทำให้ขนอ่อนในหูเราแบนราบ และเปิดทางให้เสียงเดินทางเข้าสู้เส้นประสาท โดยปกติขนอ่อนนี้จะคลายสภาพกลับเหมือนเดิม แต่หากโดนเสียงดังกระแทกกระทั้นรูหูบ่อยๆ ขนอ่อนที่มีไว้ปกป้องประสาทส่วนใน ก็จะเสียสภาพความยืดหยุ่นตลอดไป
แต่อันตรายที่มากกว่าการไปฟังเพลงร็อคเสียอีกก็คือ การใช้หูฟังสเตอริโอติดกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง อย่างที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมกันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องหูที่ Columbia Presbyterian Center ที่กรุงนิวยอร์ค เลยเปรียบเทียบการใช้ว้อล์คแมนแล้วเปิดเพลงดังๆว่า “มันเหมือนกับการเอาท่อดับเพลิง ยัดลงไปในรูหูนั่นแหละ”
แต่ดูเหมือนว่า ศิลปินร็อคและผู้เกี่ยวข้องกับวงการนี้ เริ่มมีการป้องกันภัยมหากาฬจากเสียงดนตรีร็อคอย่างรัดกุมมากขึ้น หากคุณลองไปฟังคอนเสิร์ตรอคสมัยนี้ จะเห็นว่านักดนตรีทั่วไปไม่ยืนอยูหน้าแอมพลิฟลายที่กองสุมเหมือนภูเขาอย่างแต่ก่อนแล้ว เดี๋ยวนี้แอมพลิฟลายจะถูกผลักไปด้านข่างเวที(ใกล้คนดูนั่นแหละ !) แต่ถ้าเป็นโปรโมเตอร์เจ้าดังๆที่เห็นใจคนดู จะแขวนพีแอลลงมาจากเพดานเพื่อให้เสียงกระจายไปทั่วๆ
ดูเหมือนว่าร้อคคอนเสิร์ตในปัจจุบัน จะปกป้องหูนักดนตรีไว้เป็นอย่างดี เสียงที่นักดนตรีได้ยินจะมาจากมอนิเตอร์ที่ดังอยู่ในระดับพอสมควร ปล่อยให้คนดูรับฟังเสียงก้องกัมปนาทเพื่อความมันสะใจไปเต็มๆ
นอกจากนี้แล้ว บรรดานักดนตรีร็อครุ่นใหม่ที่ได้เห็นผลพวงจากการอยู่กับเสียงดังๆมานาน ยังหาเครื่องป้องกันหูตัวเองด้วยการสวมที่ต้านเสียงระหว่างการซ้อมหรือแม้แต่เวลาแสดงจริง Bill Graham โปรโมเตอร์คอนเสิร์ตผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคซิกซ์ตี้ส์ เคยพกที่อุดหูไว้เป็นกล่องๆ แล้วไล่แจกทุกคน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปจนถึงเด็กยกเครื่อง
ส่วนผู้ที่ชอบฟังดนตรีร็อคอยู่กับบ้าน วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่หูนั้นทำได้ง่ายมาก คือ หรี่โวลุ่มลง เท่านั้นเอง และอย่าใช้หูฟังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
ผู้เขียนเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน รู้สึกว่าการฟังเพลงร็อคแบบกลัวๆกล้าๆ ไม่เปิดโวลุมไปเกือบถึงเลขสิบนั้น มันไม่สะใจเอาเสียเลย มิหนำซ้ำยังเคยทำงานกับค่ายเพลงที่เป็นเจ้าชองสโลแกน “เปิดดังๆ ฟังมันกว่า” ทำเป็นสติ๊กเกอร์ปิดไว้บนเท้ปทุกตลับเสียด้วย
แต่วันนี้ ต้องขอบคุณฟ้าดินที่ยังเมตตาให้หูได้ยินได้ฟังเสียงไพเราะของดนตรีอันสวยงามในโลกนี้ต่อไปได้
ทำให้ซึ้งถึงความจริงว่า”เปิดดังๆ ฟังมันกว่า” มันอาจจะไม่คุ้มหรอกน้อง

เผยแพร่โดย Tinnitus Awareness Society Thailand

Protest and Reply

Letter of Protest to BTS

Please give commuters back their peaceful Skytrain rides Bangkok is a city with a lot of noise pollution. On Skytrain platforms, at least one can walk away from the televisions to have some peace. But recently I was totally shocked when I boarded the Skytrain to find that television sets had been put up above the seats in every carriage. The sound coming out from them is just so annoying. Can't we just have a ride without being bombarded with advertisements and noise? Give us a break, please! C Low Bangkok

Reply from BTS

Dear Mr. Low,Thank you for your valuable feedback, the LCD is on trial run basis until November 17, 2005 for further information regarding this Project we'll keep passenger inform later.
Regards,Patchaneeya P.Public Relations Manager

Thursday, October 20, 2005

Noisy Music or Musical Noise

In Thailand the art of rhetoric and speaking is high. Even remote country people when interviewed by a reporter speak clearly, to the point, without shyness or hesitation. But the art of the human voice has been lost. Even when completely unnecessary, microphone and loudspeaker are used. Then, the loudspeaker is turned to its highest volume when distortion is inevitable. Next there is a feedback effect, speakers and singers also speak at the same distorted volume, thinking that that is how the human voice should sound. In the Thailand cultural centre they even try to impose microphone and amplifying system on visiting musicians and vocalists. Apart from case of pop singers when the sound is irrelevant anyway, the voice of a performer, including actors in plays, or the sound of an instrument cannot be carried perfectly by an amplifying system.
Distortion qualifies as unwanted sound and is, therefore, noise. From hearing distorted music from childhood, young Thais no longer have a sense of pitch and cannot hold a note correctly. Singing is equated with rhythmic shouting. As a result one needs ever more sophisticated sound systems to turn crows into nightingales. Then the sound is turned up to maximum level ………..

Wednesday, October 19, 2005

Noise and Airports

Residents near Wonderboom airport in Pretoria, South Africa, are furious about noise pollution from low-flying helicopters. On receiving complaints the owner of a Flying School at the airport responded:
“People know that airports are noisy and must accept it if they want to live in close proximity”
Pretoria News January 20, 2004
The cartoon from Nation on September 3, 2005 shows that some Bangkokians may not have known!

Tuesday, October 18, 2005

Funny Thing about Noise

The funny thing about noise is that we cannot live without it. Noise is unwanted sound but it appears that we need some noise, however slight an amount to stabilise the mind. Complete quiet is a sense deprivation that leaves us disoriented and even hallucinatory. The movement of leaves in a breeze, the faint ticking of a clock, the sound of trickling water is enough to establish a necessary background. It appears that a low background noise actually helps concentration analogous to shoes I read of recently which have a built in random movement in the sole that helps elderly people keep balance. One can achieve almost complete silence on a barren mountaintop or in an anechoic room. But there is still noise which can be detected with a sensitive microphone and amplified to a normal hearing range. And below the detection range of the sensitive microphone there is other noise which could be detected with an even more sensitive microscope.

Besides audible noise there are other forms of noise, especially electrical noise. If you tune an am radio between stations and turn up the volume you will hear a hissing noise that derives from the mingling of leakage from all manner of electrical appliances and electrical storms in the atmosphere. This takes many forms, white noise, pink noise, shot noise, Gaussian noise and others that are the bane of communications. If you point a sensitive antenna to the sky you can pick up galactic noise and even extra galactic noise. One of the strangest of noises is the background noise throughout the universe that is the remnant of the Big Bang that began our cosmos. We would not have evolved at all without noise, random events of radiation which changed the genetic structure on which natural selection could operate to evolve all living creatures.

There is a most mysterious noise of all called quantum noise. Noise is related to random movement, which is related to temperature. It was expected that at zero temperature there would be zero movement and hence zero noise. But this is not so, zero noise is an impossibility; there always remains what is called zero level noise which is not actually zero. And here is the ultimate mystery. There is a famous equation which tells us that a tiny quantity of energy can exist spontaneously for a tiny length of time without its requiring a source or a cause, other than what is a vast reservoir of zero level noise. It happens that if the tiny quantity of energy is reduced the tiny quantity of time can grow longer. And now suppose that the tiny quantity of energy becomes unimaginably small. Then the quantity of time can be very, very long. Einstein’s famous equation
E = mc2
tells us that matter m and energy E are interchangeable. So we can rephrase a recent sentence to say: Suppose that a tiny quantity of matter becomes unimaginably small. Then the quantity of time can be very, very long. Is our whole universe such a tiny quantity of matter which exists for a very, very long time? But, you will say, our whole universe, stars, planets, inter stellar gas, galaxies, inter galactic matter, is unimaginably large, not unimaginably small. However, negative matter has been theoretically predicted and observed. What if the unimaginably vast amount of matter consists of equal amounts of positive matter and negative matter? Then the two together add up to zero, and zero means an unimaginably small amount! In which case we ourselves and the whole vast universe can be a bubble of noise, a bubble of matter in a bubble of time!
Funny thing about noise.

Monday, October 17, 2005

Noise in the Park

The photograph shows the entrance to a Bangkok park. A daunting set of signs indicates activities forbidden in the park. But there is no prohibition against making sound or noise. How could there be? The tall poll rising above all the signs carries a six sided loudspeaker which broadcasts songs (at least they are Thai melodies), and radio programmes in all directions and at all hours, needless to say, at loud volume.

Parks are places of refuge from traffic, noise, hurry, and the advertisements that intrude in city space. They are places where a city dweller can delight in the quiet peace of nature, see flowers, trees, and other human beings in relaxed mode.
But in Bangkok do not expect quiet. As in every public space the loudspeaker is considered indispensable ‘entertainment’. As soon as one walks past a speaker and the sound diminishes a little, the next one appears to take up the round. The other curse of the Bangkok park is the aerobic dancing groups which generally gather in the hour of early evening when one would most wish for quiet. Good in themselves no doubt, to provide an hour of vigorous exercise to the young female, it seems that a particularly penetrating, pervasive, and, above all, loud rhythm of music is required to make the dancing, prancing movements of the leader more compelling. The NOISE penetrates to even distant corners of the park and denies all the other pleasures that a park might provide.

There is much debate on a suitable level for sound in parks. It seems that a rigid rule would be counter to the relaxed habit of park culture. Some freedom for entertainment should be granted, but there must also be a rule to limit intrusion on the quiet of others. Legislation in a country noted for a proliferation of lawyers often settles on 60 dBs at 50 feet distance as a criterion, and courts are called on to decide cases exceeding this level. If we consider the levels of annoyance reported by people exposed to different noise levels, serious annoyance is reported for levels of 55dB. Moderate annoyance is felt for a level of 50 dB. We certainly should not want even moderately annoying noise in our parks so perhaps a level of 45 dB might be reasonable. But in reality we would wish our parks to be as quiet as possible, allowing us to hear birdsong, the rustle of leaves in the breeze, the trickle of water in fountains and streams. Denmark has proposed attractive levels for its parks of 40 dB from 7.0 am to 6.0 pm and 35 dB from 6.0 pm to 7 am with some variation in times at weekends.
Meanwhile in Bangkok we labour under a universal standard of 70 dB as a permissible limit, and that is more honoured in the breach than in the observance. Park administrators appear to have no concept of the creation of a natural sound environment.

Sunday, October 16, 2005

Restaurants, Field of Battle

If you go to a restaurant to blank out, to get away from it all, or if you are accompanied by a boring companion to whom you would rather not talk, that’s fine, you are well catered for in Bangkok. But, if you believe that fine food should be enriched by fine conversation, then you have a problem, Bangkok restaurants.
There is a rule of thumb about noise which we may call the one metre rule. If you are located one metre from another person with normal hearing and have difficulty communicating in a normal voice, then the noise level is too high. Technically, this level is approximately 55 decibels. Now the normal distance between diners across a table is about one metre. Ergo, if you have difficulty in communicating you are likely to be in a Bangkok restaurant.
Some restaurants warn you by advertising live music or karaoke. If that is what you want, fine, exit quiet Bangkok. It is not enough to listen for a moment at the door in the early evening and say it is alright, not too loud. As the night goes on it will get louder and louder. Next are ALL the other restaurants which have foreground, not background, music. Is it that Bangkokians don’t want to talk? They most certainly do, and the way to achieve it is by raising their voices, louder and louder. Next, are ALMOST ALL the restaurants which install television sets. The year of disaster was the year of World Cup matches when restaurants vied to acquire one rai large television screens lest they might lose one soccer crazy customer. The television set relays the wretched noisy game show which you left home to avoid, or shows an endless film video. Finally, I have even been to a restaurant, which like all the others has loudspeakers in every nook and cranny, but which also places an individual radio on each table! It appears that the restaurant proudly possesses its own transmitter so that you can boost the sound at half the one metre distance to your companion.
The “music” played over the loudspeaker, the film being shown, are all chosen by the staff who stand around unemployed most of the time, most restaurants opening from seven in the morning until midnight. Naturally, during the hours when customers arrive, they resent having their entertainment interrupted and may turn it louder to drown out the annoying voices and calls of customers.
What is the remedy? Best is to walk out and say the noise in this place is unacceptable. Even if the waiters hear what you say they will look at one another in wonderment that anyone would consider their favourite musak objectionable. Or you can stay and fight. You ask sweetly if they could reduce the volume, just a little. Then ask again when you will be told that it was already reduced. Looking doubtful you ask once more and there is a noticeable diminution. However, with painstaking skill the sound is again gradually increased! If you are alone in the restaurant you can ask to have the noise switched off altogether. No! It is set irreversibly by some remote power. Or, if it is switched off, it will be immediately switched on again when other customers appear the door, lest they be frightened away by the awful silence.
The battle goes on. Like the decisive Battles of the Somme, Okinawa, or the Siege of Leningrad, the battle field is at the heart of a war, in this case a war against noise. The issues at stake are the right to quiet and the massive passive acceptance of noise as a way of life. We can continue to leave the noisy places to the patronage of those who enjoy decibels with their meal, to request politely, to plead, to protest etc.. One tactic I use is to insist on speaking to waiters at a distance of one metre in a normal voice.
Quiet Bangkok is always happy to learn the name and location of quiet restaurants. We promise to publish a list of such honoured eating places to be cherished and patronised by quiet Bangkokians.
ps my lunch time restaurant today had a sound level of 72 dB, moderate by Bangkok standards.

Saturday, October 15, 2005

Weapons against Noise


The struggle against noise will be a long one, requiring legislation and its enforcement, as well as a change in culture whereby people no longer tolerate noise makers. The success of the anti-smoking movement offers inspiration and a campaign model.
But in the short term we require weapons for personal protection and to promote the struggle.

Defensive weapons
We can protect our ears from immediate noise damage by wearing ear plugs or ear muffs. Ear plugs come in various forms. The simplest are the foam earplugs often distributed on airplanes. They consist of a soft foam which relaxes its shape slowly. It can be squeezed into a thin roll and placed in the ear channel where it expands to close off the access for sound. Another type consists of waxed cones of cotton which can be introduced to the ear channel and gently squeezed to fill the opening. I have used these devices on planes or to shut off the noise of an occasional all-night party. They are on sale in Bangkok pharmacies but carry no specifications of effectiveness. I have read one suggestion that they cut down noise by 15 to 20 decibels. Even a reduction of 10 decibels, which represents a reduction in noise power by a factor of ten, is often enough to move one out of the danger zone of loud noise. Another type of ear plug is a shaped plastic type probably designed for swimmers and is available on the internet. It claims to reduce noise by about 25 decibels.
Next come ear muffs primarily designed for workers in industrial sites or airports. They are like large earphones which cover the whole ear and can give 25 to 30 decibels of protection. They are worn by workers on noisy location for the entire day but are not really comfortable for the casual wearer. It is surprisingly difficult to find them in Thailand, but one company called Safety Shoes Company claims to stock them. I have bought cheap sets abroad for about 300 baht, and better quality at 750 baht. Large size earphones are more expensive but should work as well. Even better are noise cancellation earphones. These monitor noise outside the earphone and produce an antidote sound in a small loudspeaker inside the earphone which cancels the outside noise. These are best to reduce noise which is continuous such as the noise of an air conditioner, a fan, or any engine. A Philips made model is available in Bangkok but is not cheap. Ear muffs are a great help in countering the awful teeth-grinding noise of a sander or mechanical saw that seems to come from every building site in Bangkok.

Offensive weapons
For the serious campaigner against noise, a noise level meter is a necessary weapon! The simplest kind which gives an instantaneous measure of noise level is sufficient for spot measurements. With the evidence of a decibel figure one’s complaint has real relevance. The model I use is a TES-1350A made in Taiwan. I have used it for over two years without problem and its accuracy compares well with far more expensive models. Specifications, prices, and ordering information may be seen on the web-site http://www.tes.com.tw/
A small weapon which is very satisfying to use is a Universal Remote Control. Television sets are the plague of Quiet Bangkok. Restaurants, shops, hospital waiting rooms, pubs, train platforms all spew out non-stop programmes. A few people may look but nobody watches them. Even friends whom you are visiting may leave the TV set on while you wish to talk. A click from your small discreet URC can turn off all makes of television set. To see how this magical device works and to acquire one consult http://www.tvbgone.com/

The pen is mightier than the sword and the ultimate weapon against noise is the pen; suggestions for its use are given in the post “Making noise about noise”

Friday, October 14, 2005

Lunch + Noise

Last Sunday I had lunch in a Tesco food market: massaman curry and 92 decibels of noise. The effect was brain numbing and I hurried away as quickly as possible. Today I returned to investigate the sources of last Sunday’s noise. In a more moderate environment of only 82 decibels I could bear to look about for a short time. First there were the television screens which nobody watches. However, there were only two of them about fifty metres apart and their sound was submerged in the general cacophony. Next there was a stall selling tapes and CDs of traditional Thai music. A sound system provided a base of the overall noise. Then there were obscure announcements being made over a PA system. But the mass of sound emanated from a section for young children called “Small World”. Parents carried their small children into this bath of sound. The effect seemed to be akin to that of the largely discredited electric shock therapy on psychotic patients. The emerging children had on their faces the look associated with that of Jack Nicholson after shock treatment in the film “One flew over the cuckoos nest”. From a parent’s point of view this may be the attraction of Small World, their children may well be more docile until the effect wears off. However, as their hearing has probably suffered during their exposure they must be addressed, and they themselves respond, in louder tones.

As I had lunch, the sudden sound of a siren warned that Tesco was on fire or under terrorist attack. But then I saw that the sound came from a rocking plastic pink motor car which was rewarding its tiny driver with this exquisite siren wail. I found that “Small World” and the nearby area had a multitude of infernal machines where children could fight vicariously and batter harmless hamsters or frogs on screens to the accompaniment of sounds imagined by Dante in the circles of hell. All of these noises blended together to produce the meaningless tangle of sound we call noise, damaging to the ears of an adult, destructive to the hearing of a child. A question remained, noise on a Sunday was 92 decibels, horrendously serious sound, while that on a weekday was 82 decibels, only very serious sound; why the difference? Next to “Small World” was a music shop, school. I remembered that on the Sunday they had moved a piano like instrument outside which contributed an extra ten decibels. To put it another way, the music shop, school increased by a factor of ten the total amount of weekday noise, and hence contibuted to the greater exposure of the greater number of children who came at weekends!

Tuesday, October 11, 2005

Other danger at Suvarnabhumi


Officials at Bangkok’s new airport worried about the hazard of birds in the flight path. But perhaps the following article and the accompanying image of expected noise levels in the vicinity may suggest another cause for worry!

New Zealand Man Threatens to Shoot Down Air Force Jet Because of Noise
PUBLICATION: The Dominion (Wellington, New Zealand) DATE: October 23, 1997 SECTION: News; National; Pg. 11 DATELINE: Palmerston North, New Zealand ACTIVISTS, INDIVIDUALS, AND GROUPS MENTIONED: Matthew George Moody, resident
The Dominion reports that a man in Palmerston North, New Zealand who threatened to shoot down a noisy air force jet flying over his home was given a 12-month suspended sentence in Palmerston North District Court.
According to the article, Matthew George Moody admitted that he had made the threat to Garry Goodman, city airport manager, on September 29. Moody told Goodman if the jets did not stop flying over his home near Palmerston North airport he would "shoot the bastards out of the air" and there would be a "dead pilot next day."
Moody's lawyer, Steve Winter, told Judge Patrick Mahoney that Moody had had a long-running fight against the air force and the city council over the noise from the Palmerston North airport. Winter said Moody lost his cool after "continually banging his head against a bureaucratic wall," but had no real intention of carrying out his threats. Winter added that Moody purchased his home near the airport 14 years ago, before the air force flew planes out of the airport. Six years ago, the air force gained permission to fly Aermacchi jet "touch and go" operations out of the airport. Winter said, "The noise of aircraft as they land, and particularly when they take off, is extremely loud, and they fly very low over his house. The effects of this are that normal conversations are difficult, telephone calls are impossible, livestock is frightened and children are disturbed."

How to make noise about noise


To complain about noise there are several options. For a one-off all night party or a noisy car left with the engine running etc. your local police station is the best option. If you report that you saw three men murder someone, they will record it but are unlikely to do much. But if you complain of excessive noise at three in the morning a policeman will probably arrive on a motorbike to admonish the cause. If there is a long term source of noise such as a karaoke night club you may get help once, but the problem will recur.

Try the following:
Central police contact number 191. They may be more effective than you in generating action from your local station.
Bangkok Metropolitan Administration 1555
Pollution Control Unit 1650

สถานีตำรวจในท้องที่ 191
ร้องทุกข์เสียงดัง กทม 1555
กรมควบคุมมลพิษ 1650


For more serious letter writing, mail to the Governor of Bangkok:

อภิรักษ์ โกษะโยธิน
ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร
173 ถ.ดินสอ
แขวงเสาชิงช้า,เขตพระนคร
กทม 10200

Apirak Kosayothin,
BMA office
173 Din-Sor Road,
Sao Chingchaa,
Pranakorn Area
Bangkok 10200

email: apirak@bma.go.th
and please send a copy to: nathanon@bma.go.th ,high ranking and efficient official in BMA

For loud and clear complaints about noise on the BTS rail system, go for:
Dr.Kasem Jatikawanit
Chairman
BTS
1000 Pahonyothin Road,
Jatujak Area,
Bangkok 10900
tel: 02 617 7300 ext 1884 ( hot line centre )
fax: 02 617 7133, 02 617 7155
email to BTS : nuduan@bts.co.th

ดร.เกษม จาติกวนิช
ประธานกรรมการ
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
อาคารบีทีเอส 1000 ถนน พหลโยธิน
ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์ : (66) 2617 7300
โทรสาร : (66) 2617 7133, 2617 7155
อีเมล์ : nuduan@bts.co.th
ศูนย์ฮ้อตไลน์: (66) 2617 6000
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบีทีเอส : (66) 2617 7340
เกี่ยวกับบริษัท
นายเกษม จาติกวณิช เป็นประธานกรรมการ และนายคีรี กาญจนพาสน์
เป็นประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท.

Sunday, October 09, 2005

Skytrain Noise

Bangkok Mass Transit System Public Company is very conscious of noise, at least so they told us when the SkyTrain began operation: to quote from their website;

“The BTS SkyTrain began operation on December 5 th ,1999 ,……. offering both residents and visitors a comfortable ride through central Bangkok - lifting commuters above the chronic congestion, noise and pollution of the streets below.”

They pointed out how their rail system minimized noise;

“Seamlessly welded tracks minimize noise of passing trains
.
The curved sections of the tracks have a gauge that's slightly wider from the rest of the tracks to decrease friction between wheels and track and are also lubricated to minimize noise
.
The tracks are bordered by a noise barrier not only to decrease noise levels but also improve the system's overall aesthetic quality.”

However, that was then and this is now! The letter to the Nation newspaper reproduced below is a typical scream of frustration from a passenger on noise engineered BTS. As happens throughout Bangkok in shopping centres, hospitals, restaurants, and wherever, quiet is considered intolerable, boring, uncool. Your Bangkok citizen must never be left for a moment with her thoughts, there must be “music”, “song”, advertisement to fill the void. Any announcements must be even louder and then we have a fun environment.
Ladies and gentlemen of Bangkok Mass Transit System Public Company, your BTS stations are no longer quieter than the street below (and, by the way, you rarely lift us up, we have to climb).
Click on the link showing Bangkok daily noise level which shows the level of street noise in several locations in Bangkok. Now let me tell you levels of noise which I recently, and very conservatively measured in Mau Chit station;
noise level on the train platform, (when no train was present) 72 dBA
noise level on the first floor, ticket offices etc. 75-76 dBA
The noise level on the first floor is more than twice as loud as on the train platform because you allow individual shops to add their own blaring sound systems to the noise generators that you yourself provide in TV sets etc..
And now you are experimenting with TV sets spewing advertisements on the trains themselves. A plague on you, your super quiet trains, and stations.

Saturday, October 08, 2005

Ear damage due to loud noise

เสียงดัง ทำให้ หูพัง อย่างไร?
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ ทรงแสดงความห่วงใยว่า บรรดามลพิษเสียง จากดนตรีในสถานบันเทิง อาจทำให้เยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ กลายเป็นคนหูเสีย หูหนวก หูตึงไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงห่วงใยว่า การได้ยินของพสกนิกรวัยเยาวชนจะเสื่อมโทรมลง
ข่าวอินเตอร์เน็ตบีบีซี ได้เสนอข่าวเผยแพร่คำเตือนประชากรโลกถึงเรื่องมลพิษทางเสียงไว้หลายครั้งในรอบห้าเดือนของปีที่แล้ว ว่าเป็นภัยที่คุกคามไปทั่วโลก ที่ต้องเร่งแก้ไข ก่อนจะสายเกินไป ที่น่ากลัวมากคือคำเตือนว่า “ฟังดนตรีดังๆ ทำให้ปอดพังได้” ( Loud Music Lung Collapse Warning )
สำนักข่าวบีบีซี ย้ำว่า ดนตรีเสียงดัง ทำให้ประสาทหูสูญเสียการได้ยิน (หูตึง หูหนวก) แต่อันตรายที่ร้ายแรงกว่าคือ ทำให้ปอดล้มเหลว เสียชีวิตได้ ซึ่งฝรั่งเรียกว่า อาการ “นิวโมโธแรกซ์” ( Pneumothorax )
นายแพทย์ผู้วินิจฉัยโรคนี้ กล่าวว่า คนที่เป็นโรคปอดล้มเหลวนี้ ฟังเพลงในรถที่ติดตั้งลำโพงที่มีกำลังหนึ่งพันวัตต์ แรงกระแทกของเสียงทุ้มทำให้ ช่องว่างระหว่างปอด กับเยื่อหุ้มปอด เกิดรูโหว่ เนื่องจากคลื่นเสียงจากลำโพงกำลังสูง ทะลวงเข้าไปในร่างกายได้
เสียงทุ้มหรือเสียงเบส เป็นเสียงดนตรีที่มีความถี่ต่ำ เป็นคลื่นเสียงที่มีแรงผลักแรงดันมหาศาล ทำให้เยื่อหุ้มปอดพองตัวและแฟบอย่างรวดเร็ว เป็นอาการคล้ายคนสูบบุหรี่นานๆจน เป็นโรคปอดเรื้อรัง หรือคล้ายการเสพยาโด๊บ
คนไข้วัย ๒๕ปีคนหนึ่ง เกิดอาการปวดหน้าอกอย่างรุนแรง เพราะไปยืนอยู่หน้าลำโพงที่ส่งเสียงกระแทกกระทั้น อีกคนอายุ ๒๓ ปอดล้มเหลว ขณะยืนฟังป๊อปคอนเสิร์ตอยู่หน้าลำโพง
มีข่าวอีกชิ้นหนึ่งเตือนให้ “ระวังหูเสียในช่วงเทศกาล “ “สถาบันหลวงแห่งชาติสำหรับคนหูหนวก” ( Royal National Institute for Deaf People-RNID) แห่งประเทศอังกฤษ เตือนว่า ช่วงเทศกาลต่างๆ มักมีการใช้เครื่องขยายเสียงกำลังสูง ดังแสบแก้วหู จะมีเสียงทุ้มที่มีกำลังกระแทกมาก และยืนยันว่า การฟังเพลงเสียงดังนานๆ ขั้นเบาะๆ ทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ธาตุพิการ และจะนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน กลายเป็นคนหูพิการ ( หูตึง หูหนวก หูอึง หูแว่ว หูเสื่อม) ในที่สุด
...................................
เรียบเรียงจาก ‘ ระบบเสียงดังทำให้ “หูพัง” อย่างไร’ ใน ยลยินอินเตอร์เน็ต โดย “รจนโรจน์“ นิตยสาร สกุลไทยต้นปี ๔๘
ท่านควรเอาใจใส่ปกป้องหูของท่านและบุตรหลานของท่าน ระมัดระวังหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในที่เสียงดังนานๆ เช่นโรงภาพยนต์ ศูนย์การค้าที่มีเสียงดังมากๆ ตักเตือนบุตรหลานอย่าเปิดทีวีเสียงดัง อย่าใช้โทรศัพท์มือถือ และใส่หูฟังติดต่อกันนานๆ เพราะประสาทหูของคนเรา ไม่ได้ถูกออกแบบให้ทนทานเสียงดัง การฟังเสียงดังมากๆ เช่นเสียงเจาะผนัง เจาะถนน ซึ่งความดังเท่ากับ 100 เดซิเบล หูของท่านจะเสื่อมภายในหนึ่งชั่วโมง เสียงดังในดิสโก้เทค 110 เดซิเบล หูจะเสื่อมในเวลาเพียงสี่นาที หากไม่กลายเป็นคนหูตึง ก็จะเป็นโรคหูอึง และเมื่อประสาทหูตายแล้ว ไม่มีทางรักษา ทำให้ทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต
มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ห้องนอน เสียงไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล
สวนสาธารณะ ที่อยู่อาศัย สถาบันการศึกษา และห้องเรียน ไม่ควรเกิน 50 เดซิเบล ถนนใหญ่ ไม่เกิน 70 เดซิเบล คนที่อาศัยในย่านพาณิชยกรรม และริมถนนที่มีเสียงดัง 70 เดซิเบล ตลอดเวลา จะสูญเสียการได้ยินในยี่สิบสี่ชั่วโมง
โปรดทราบ เสียงดัง 80 เดซิเบล จะมีความดังมากกว่า 70 เดซิเบลถึงสิบเท่า
ร้องทุกข์เสียงดัง ที่ 1555 กทม , 1650 กรมควบคุมมลพิษ, 191
และสถานีตำรวจในท้องที่

เผยแพร่โดย
- ชมรมคนรักความเงียบ
- Tinnitus Awareness Society Thailand for Quality of Life (TAST).
- โครงการ ‘รวมใจ รวมไทย ต้านภัยเสียง ’ ดำเนินการโดย กองทุนสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย www.tei.or.th/cef

Friday, October 07, 2005

letter to Nation newspaper

Letter to editor, Nation Thursday 6th October 2005
----------------------------------------
Public-transportation noise pollution a growing menace
How can the citizens of Bangkok put up with the horrible, loud noise at BTS stations? The new televisions in the trains are also intolerable. What were the managers of the system thinking?
If loud noise where somehow linked to making money, everyone in Thailand would be rich. Bangkok has started building a world-class transportation system, but this current BTS management is turning it into nothing more than a mockery.
And not to be outdone, the MRT is starting to install blasting advertising screens on the platforms.
How in the world do Thai authorities think they can ever solve the complex problems of the South when they cannot even put a stop to this ever-increasing noise problem in the capital?
Sick of the Noise
Bangkok

Ballade of Bangkok Noise

The makers of noise are not only boys
But adults both women and men;
The sounds that they make can keep us awake
At a volume a hundred times ten.

The worst is a boy with a boom-boom toy,
Or a dog just learning to bark.
When motorbikes howl, wrap your head in a towel
Or reach for the phone as you moan.

You make a complaint and speak with restraint
To policemen who seem not to care,
They laugh at your tears, saying plug up your ears,
Or ear muffs all day you can wear.

The greatest of wrongs are all kind of songs
That blare from the neighbourhood sets,
They hit you with blows from your head to your toes
Like the roaring of megawatt jets.

If you shop in a Tesco or dance in a disco
Your brain will be scrambled or fried
For the level of sounds is quite out of bounds
And requests to tone down are denied

You may think it wise above traffic to rise
And travel to work on the train
But your power of attention will be in suspension
When station noise drives you insane.

We must end all this noise and regain our poise,
Live lives that are tranquil and gay.
We will hear the grass grow and deep waters flow
Be peaceful and happy all day.